ขั้นตอนที่ 1: กำหนดแนวคิดและรูปแบบของหนังสือ
การทำหนังสือที่ดี ควรเริ่มต้นตั้งแต่การวางแผนการเขียนหนังสือที่รัดกุม โดยขั้นตอนนี้ จะเปรียบเสมือนการวางรากฐานเพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ดึงดูดผู้อ่าน โดยคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
• ประเภท
การกำหนดประเภทของหนังสือที่เราจัดทำมีความสำคัญมาก เนื่องจากสามารถช่วยให้ผู้เขียนและผู้จัดทำ สำรวจตลาดและวางแผนแนวทางได้ตั้งแต่เริ่ม
• กลุ่มผู้อ่าน
แม้หนังสือแต่ละประเภทจะมีกลุ่มเป้าหมายโดยรวมอยู่แล้ว แต่หากมองให้ลึกลงไปการกำหนดเป้าหมายเฉพาะว่าผู้อ่านจะเป็นใคร อยู่ในช่วงอายุเท่าไร เพื่อวิเคราะห์ความสนใจและความต้องการในการอ่านหนังสือ จะยิ่งช่วยให้การเขียนหนังสือเป็นไปอย่างราบรื่น ตรงใจผู้อ่านและมีโอกาสได้ผลตอบรับที่ดีมากยิ่งขึ้น
• โครงเรื่องคร่าว ๆ
เมื่อกำหนดประเภทและกลุ่มผู้อ่านได้แล้ว สิ่งต่อไปที่ควรทำคือการกำหนดโครงเรื่องคร่าว ๆ เพื่อร่างภาพรวมของเนื้อหาที่จะนำเสนอ ซึ่งจะช่วยให้สามารถจัดระเบียบความคิด เรียงลำดับเหตุการณ์ และมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญได้
• ความยาว
ควรกำหนดให้สอดคล้องกับประเภทและกลุ่มผู้อ่าน เนื่องจากความยาวเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสบการณ์ในการอ่าน หนังสือที่สั้นเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่จุใจ ในขณะที่หนังสือที่ยาวเกินไปอาจทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย จึงควรเลือกกำหนดความยาวที่เหมาะสม โดยที่เนื้อหายังมีความสมดุล แต่ยังมีรายละเอียดครบถ้วน ไม่ยืดเยื้อ
ขั้นตอนที่ 2 : รวบรวมข้อมูลและลงมือเขียน
เมื่อกำหนดแนวคิด ประเภท และกลุ่มเป้าหมายของหนังสือแล้ว ก็ถึงเวลารวบรวมข้อมูลเพื่อเริ่มต้นเขียนหนังสือที่มีเนื้อหาถูกต้อง น่าสนใจ กันได้เลย โดยเริ่มจากการเขียนเนื้อหาทั้งหมดลงไปโดยยังไม่ต้องกังวลเรื่องความสมบูรณ์แบบ มุ่งเน้นไปที่การถ่ายทอดความคิดจากโครงเรื่องที่เคยร่างไว้จนจบ
ขั้นตอนที่ 3 : ทบทวนและปรับแก้ต้นฉบับ
หลังจากลงมือเขียนเรื่องราวจนจบแล้ว ก็ใช่ว่าจะเสร็จสิ้นการเขียน เพราะอีกหนึ่งขั้นตอนที่จะทำให้การเขียนหนังสือออกมาสมบูรณ์แบบ คือการทบทวนและปรับแก้ต้นฉบับ โดยต้องคำนึงถึง 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
• จับประเด็นที่ยังขาดตกบกพร่อง
โดยเริ่มต้นด้วยการอ่านต้นฉบับอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาเนื้อหาโดยรวม ว่ามีประเด็นที่เราต้องการนำเสนอครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงเนื้อหาแต่ละส่วนมีความสอดคล้องกัน เชื่อมโยงกันอย่างเป็นธรรมชาติ หรือมีจุดโหว่ที่ทำให้เนื้อหาไม่สมบูรณ์ เพื่อหาข้อมูลมาเติมเต็มในประเด็นที่ยังขาดตกบกพร่องไป
• ปรับแก้สำนวนภาษาให้ลื่นไหล
เมื่อพึงพอใจกับเนื้อหาแล้ว ก็ถึงเวลามาปรับแก้โครงสร้างประโยคให้ลื่นไหล ตรงความหมาย และสื่ออารมณ์ได้ชัดเจน เหมาะสมกับประเภทของหนังสือและกลุ่มผู้อ่านที่กำหนดไว้
• ตรวจทานคำผิดให้ถูกต้อง
ก่อนจะจบกระบวนการด้านงานเขียน จำเป็นต้องตรวจสอบคำผิดทั้งในแง่ของไวยากรณ์ การสะกดคำ และการใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ดี เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของหนังสือได้

ขั้นตอนที่ 4 : ออกแบบปกและจัดหน้า
เข้าสู่วิธีทำหนังสือที่ส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้อ่าน เนื่องจากปกหนังสือเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาให้หยิบมาพลิกดู อีกทั้งการจัดหน้าหนังสือที่ดี ยังจะต้องอ่านง่าย สบายตา ทำให้ผู้อ่านไม่สับสนในเนื้อหา ก็จะช่วยสร้างความประทับใจและประสบการณ์การอ่านที่ดีให้แก่ผู้อ่านจนจบเรื่องได้
สำหรับการออกแบบปกและจัดหน้าหนังสือนั้น ขึ้นอยู่กับความถนัด งบประมาณ ซึ่งในปัจจุบันมีทางเลือกและตัวช่วยมากมายให้สามารถลองทำได้เอง ซึ่งนอกจากจะมีข้อดีในการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว เรายังสามารถควบคุมทิศทางการออกแบบได้ด้วยตนเอง แต่หากต้องการประหยัดเวลาและอยากได้งานมีคุณภาพสูง อาจต้องพิจารณาจ้างมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแล สำหรับใครที่สนใจอยากออกแบบปกหนังสือเอง สามารถใช้ตัวช่วยในการออกแบบปกและจัดหน้าเหล่านี้กันได้ เช่น
• เว็บไซต์ออกแบบปกหนังสือออนไลน์:Canva, Crell, Adobe Spark, Adobe Creative Cloud
• โปรแกรมออกแบบ: Adobe Photoshop, Adobe InDesign
• เทมเพลตปกและหน้าหนังสือ: Freepik, Envato Elements, Creative Market
ขั้นตอนที่ 5 : เลือกวิธีการตีพิมพ์และจัดจำหน่าย
เมื่อจัดการกระบวนการเขียนหนังสือจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกวิธีการตีพิมพ์และจัดจำหน่าย ซึ่งมีสองทางเลือกหลัก ๆ ดังนี้
• ตีพิมพ์ด้วยตัวเอง (Self-publishing)
ในปัจจุบันการตีพิมพ์หนังสือด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีตัวเลือกที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้สามารถควบคุมทิศทางและเนื้อหาของหนังสือได้ตามต้องการ โดยจะต้องทำเองทุกอย่างตั้งแต่การออกแบบปก จัดหน้า ตีพิมพ์ ไปจนถึงการโปรโมต ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงผู้อ่านได้ในวงกว้าง แต่มีข้อดีคือไม่ต้องแบ่งผลกำไรให้กับใคร หรือต้องมากังวลกับเรื่องการปรับแก้เนื้อหาและรายละเอียดให้เหมาะสมกับสำนักพิมพ์ ซึ่งหากใช้บริการโรงพิมพ์ที่มีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือ ก็จะสามารถช่วยลดความกังวลใจในการจัดพิมพ์หนังสือไปได้อีกเยอะ
• ส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณา
โดยสำนักพิมพ์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการผลิตและจัดจำหน่าย ซึ่งจะมีทีมงานมืออาชีพช่วยดูแล ทำให้เพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้อ่านได้กว้างมากขึ้น แต่ต้องใช้เวลามากในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การทำต้นฉบับให้ผ่านด่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ อีกทั้งยังมีเรื่องของผลกำไรที่ต้องพิจารณาตามสัญญาด้วย
ขั้นตอนที่ 6: จัดจำหน่ายและโปรโมต
หลังจากที่ผ่านขั้นตอนทั้งหมดจนได้หนังสือออกมาเป็นรูปเล่มแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่จะทำให้การทำหนังสือเสร็จสิ้นสมบูรณ์ คือการจัดจำหน่ายและโปรโมตหนังสือให้เข้าถึงผู้อ่าน โดยสามารถจัดจำหน่ายและโปรโมตได้ ดังนี้
• ออนไลน์
ในปัจจุบัน การโปรโมตและจัดจำหน่ายหนังสือผ่านช่องทางออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เนื่องจากมีแพลตฟอร์มมากมายที่สามารถใช้โปรโมตหนังสือและแบ่งปันข้อมูลร่วมกับผู้ติดตามได้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, X โดยสามารถลิงก์ไปสู่ช่องทางการขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มอย่าง Shopee, Lazada เพื่อให้ผู้สนใจสั่งซื้อหนังสือได้ทันที
• ออฟไลน์
การตีพิมพ์หนังสือด้วยตัวเอง ยังสามารถเลือกเข้าร่วมงานกับการจัดแสดงหนังสือที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อโปรโมตหนังสือและสร้างเครือข่ายได้ อีกทั้งยังสามารถลองติดต่อกับร้านหนังสือแถวบ้าน เพื่อขอวางขายหนังสือได้อีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาโรงพิมพ์คุณภาพดี ได้มาตรฐาน มั่นใจเรื่องบริการสำหรับการตีพิมพ์หนังสือเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์หนังสือเรียน พิมพ์หนังสือนิยาย พิมพ์หนังสือสวดมนต์ ขอแนะนำ บริษัท นายทำถูก จำกัด โรงพิมพ์หนังสือ ราคาถูก แบบไม่มีขั้นต่ำ การันตีมาตรฐานการผลิตด้วยเครื่องพิมพ์สีคมชัดทุกตัวอักษร สนใจสั่งงาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้เลยวันนี้ทาง LINE Official: @naitamtookprint3 หรือโทร. 02-538-9963
แหล่งอ้างอิง
1. เขียนเอง พิมพ์เอง ขายเอง 5 สิ่งต้องมีสู่การเป็นเจ้าของหนังสือในฝัน. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 จาก https://anowl.co/special-article/owner_b/